ย้อนไปภาคแรก ตอนนั้นคุณหมอริวไม่ได้เป็นหมอแล้ว เนื่องจากมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เขาเลยมาใช้ชีวิตเสเพล ณ บ้านริมทะเล กินเหล้าเคล้านารีไปวันๆ จนกระทั่งได้พบกับคุณหมอคาโต้ แพทย์หญิงที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปหลงรักตั้งแต่เห็นก้น เอ๊ย กล้ามแน่นๆ แอร้ยยยยย
และก็ยังคงติดตามเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงภาคที่ 4 อันที่จริงนึกว่าหมดภาค 3 ก็ไม่มีแล้วด้วย เพราะมีความรู้สึกว่าภาคที่ 3 เริ่มหมดมุกจะเล่น พอมาภาคที่ 4 ตื่นเต้นเร้าใจมาก (อาจจะเป็นเพราะทิ้งช่วงนานด้วยแหละ)
![]() |
IRYU Team Medical Dragon 4จากซ้ายไปขวา บน คุณหมออาราเสะ คุณหมอโนงุจิตัวแสบ คุณหมอซากุไร กลาง โอคามุระ คุณหมออาซาดะ (ริวจัง) ล่าง คุณหมอฟุจิโยชิ คุณหมอคาโต้ คุณหมออิจูอิน |
ทีมดราก้อนในภาคนี้ยังคงอยู่กันครบ พร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นมิกิจังที่ดูจะหายไปนาน
ประกอบด้วย
คุณหมออาซาดะ ศัลยแพทย์ผู้เก่งกาจ เมพที่สุดในปฐพี
คุณหมอคาโต้ ศัลยแพทย์หญิง ที่มีความสามารถมาก โดยเฉพาะในด้านงานวิจัย
คุณหมออิจูอิน ศัลยแพทย์ที่อาซาดะฝึกมากับมือ เชี่ยวชาญด้านการใช้สายสวนหลอดเลือดหัวใจ
คุณหมออาราเสะ วิสัญญีแพทย์นับเจ็ด ความสามารถในการใช้ยาสลบและการดูแลผู้ป่วยในระหว่างผ่าตัดเป็นเลิศ
คุณหมอฟุจิโยชิ อายุรแพทย์ที่คอยดูอาการคนไข้ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด
เปิดตัวที่โอคามุระที่ปรึกษาโรงพยาบาลเดินทางไปสำรวจหาพื้นที่ที่จะสร้างโรงพยาบาลในอินเดีย แน่นอนว่าหมอนี่ต้องสมคบคิดกับคุณหมอทางุจิตัวแสบ (ที่ภาคนี้รู้สึกนิ่งมากขึ้น แต่ยังคงชอบปลามังกรเหมือนเคย)
ส่วนคุณหมอริวก็ยังคงเป็นแพทย์อาสาอยู่ในค่ายแพทย์สำหรับผู้ลี้ภัย เปิดมาก็โชว์ความเมพด้วยการใช้สว่านผ่ากะโหลกเด็ก
คุณหมอริวถูกคุณหมอซากุราอิ อาจารย์ของคุณหมอขอร้องให้มาช่วยงานโรงพยาบาลซากุไรโรงพยาบาลขนาดเล็กในเมืองเล็กๆ ที่กำลังจะปิดตัวลงเนื่องจากมีโรงพยาบาล L&P โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องมือการแพทย์ล้ำสมัยและบุคลากรมากมายมาเปิดตัวเป็นคู่แข่ง
แน่นอนว่าคนไข้ก็ต้องไปรักษาโรงพยาบาลที่ดูเหมือนจะดีกว่า
ทว่าโรงพยาบาลที่เพียบพร้อมหรือจะสู้หมอที่มีหัวใจนักสู้ อาซาดะรวบรวมคนในทีมที่ดูเหมือนว่าจะเบื่อหน่ายการทำงานในโรงพยาบาลเดิมๆ ที่เจอเพื่อนร่วมงานและระบบงานที่ไม่ค่อยดี ให้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
การกลับมาของอาซาดะและพรรคพวก เป็นที่หมายตาของโอคามุระและโนงุจิ เขาต้องการให้ทีมดราก้อนมาเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาล L&P และไปเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การแพทย์ที่สุดแสนจะทันสมัยที่อินเดีย
โนงุจิและโอคามุระใช้วิธีต่างๆ ที่จะบีบให้คนของทีมดราก้อนมาร่วมงาน เริ่มจากฟุจิโยชิ โดยอาศัยงานวิจัยของฟุจิโยชิและใช้ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาต่อรอง คนถัดมาคือคาโต้ โอคามุระเอางานวิจัยมาชวนให้คาโต้ไปเป็นพวก จากนั้นก็ดึงอาระเสะและอิจูอินเป็นรายต่อมา
ยังคงเป็นอาซาดะที่ยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย แต่เขาจะยืนหยัดได้อย่างไร ในเมื่อเดิมพันนั้นคือชีวิตอาจารย์ที่เขาเคารพที่สุด
![]() |
อิริยาบทสุดเท่ของคุณหมอหัวใจแกร่ง ฉากที่ขาดไม่ได้คือถอดเสื้อซ้อมผ่าตัดกลางดาดฟ้า |
ภาคนี้ยังเปิดเผยถึงอดีตของหมอโนงุจิ คนเลือกตัวละครเก่งมาก คนที่เล่นเป็นคุณหมอโนงุจิตอนหนุ่มถ้าแก่มา คงหน้าคล้ายหมอโนงุจิคนปัจจุบัน หน้าตา บุคลิกได้เลย
ตอนที่ชอบที่สุดคือตอนที่เปิดเผยอดีตของคุณหมอซากุไร หมอโนงุจิกล่าวหาว่าซากุไรเป็นหมอเถื่อน ไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ แต่อาซาดะก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวอาจารย์ จนในที่สุดความจริงอันน่าตกใจก็เปิดเผยขึ้น
ส่วนคำพูดที่ชอบที่สุดในเรื่องมาจากตอนที่ 1 ตอนที่มีการผ่าตัดพร้อมกันสองห้อง อาซาดะผ่าตัดห้อง 1 คาโต้ผ่าตัดห้อง 2 แล้วเกิดไฟดับ ท่ามกลางหิมะแรกของฤดู อาซาดะต้องสั่งปิดฮีทเตอร์ทั้งโรงพยาบาล ปิดเครื่องปอดหัวใจเทียมผ่าตัดแบบ on-beat (ปล่อยให้หัวใจเต้น) สงวนพลังงานจากเครื่องสำรองไฟให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบห้องคาโต้ คาโต้เองก็ผ่าตัดโดยใช้เครื่องหัวใจเทียมที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แทนที่จะใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมที่ต้องใช้ไฟฟ้า เพื่อสงวนพลังงานเช่นกัน แล้วเธอก็พูดว่า
"ถึงเราจะแยกกันอยู่ แต่เราก็คิดเหมือนกัน นั่นแหละคือทีม"
โดยรวมแล้วชอบภาคนี้มากกว่าภาค 2-3 นะคะ มีการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมันที่มากขึ้นของคุณหมออาซาดะ และทุกคนในทีม ที่จะช่วยกันเอาชนะโรคร้าย และเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด เพื่อนำรอยยิ้มและความสุขคืนกลับมาให้ผู้ป่วยและคนในครอบครัว หลงรัก เอ้ย ชอบมากๆ ค่ะ
สุดท้ายขอขอบคุณ dark-dramas ที่นำละครญี่ปุ่นดีๆ มาใส่ซับไทยให้ดูกันนะคะ
สุดท้ายขอขอบคุณ dark-dramas ที่นำละครญี่ปุ่นดีๆ มาใส่ซับไทยให้ดูกันนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น